รูปภาพของผมครับ

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พยาธิตัวตืด


                                                                 พยาธิตัวตืด






          มีลักษณะตัวแบนและยาวคล้ายๆริบบิ้นหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว   โดยมีส่วนหัวเล็กและลำตัวเป็นปล้อง  พยาธินี้จะสร้างปล้องใหม่ขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ลำตัวค่อยๆยาวขึ้น ปล้องที่ไกลจากหัวที่สุดจะมีอายุมากที่สุด พยาธิตัวตืดจะอาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก โดยใช้ส่วนหัวเกาะจับกับผนังลำไส้   เนื่องจากพยาธินี้ไม่มีระบบย่อยอาหาร  จึงต้องอาศัยการดูดซึมอาหารจากลำไส้ของคน    ปล้องแต่ละปล้องมีอวัยวะเพศทั้งตัวผู้และตัวเมียรวมอยู่ด้วยกัน
         
          พยาธิตัวตืดที่พบบ่อยๆ ในบ้านเราและก่อให้เกิดโรคมีอยู่ ๒ ชนิด คือ
          โรคพยาธิตืดวัว  เกิดจากพยาธิตัวตืดที่มีขนาดใหญ่และยาวมาก บางตัวอาจยาวได้ถึง ๕ เมตร มีหัวเป็นตุ่มสี่เหลี่ยมกว้างประมาณ ๒ มิลลิเมตร และมีจานเกาะ  ๔  อัน ปล้องแก่มีความกว้างเท่าๆ กับความยาว คือ ๑๒ มิลลิเมตร   ส่วนปล้องที่สุกแล้วจะมีความยาว (๒๐   มิลลิเมตร)  มากกว่าความกว้าง (๗ มิลลิเมตร) พยาธิตืดวัวมีชื่อว่า ทีเนีย ซากินาทา (Taenia saginata)
          ตัวแก่ของพยาธินี้อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กของคนเมื่อปล้องที่สุกซึ่งมีไข่อยู่ภายในหลุดออกมา จะแตกออกปล่อยไข่อยู่ตามพื้นดิน วัวหรือควายที่เล็มหญ้าก็จะกินไข่เข้าไป และเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนอยู่ตามเนื้อวัวหรือควาย  ตัวอ่อนนี้จะมีลักษณะคล้ายเม็ดสาคู ฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อของโค และกระบือ เรียกว่า ซิสทิเซอร์คัส โบวิส (Cysticercus  boviss) เมื่อคนกินเนื้อโค หรือเนื้อกระบือที่มีเม็ดสาคูเหล่านี้  โดยไม่ทำให้สุกเสียก่อน ตัวอ่อนนี้ก็จะออกมา แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ในลำไส้คนต่อไป

          โรคพยาธิตืดหมู  เกิดจากพยาธิตัวตืดที่มีลักษณะเหมือนตัวตืดในวัว แต่มีขนาดเล็กกว่า คือ ยาว ๒-๓ เมตรพยาธินี้มีชื่อเรียกว่า ทีเนีย โซเลียม (Taenia solium)
          ตัวตืดชนิดนี้  มีวงจรชีวิตเช่นเดียวกับตัวตืดวัวตัวอ่อนอาศัยอยู่ในเนื้อสุกร มีลักษณะเป็นเม็ดสาคูเมื่อคนกินเนื้อสุกรที่มีเม็ดสาคูโดยไม่ปรุงให้สุก ตัวอ่อนก็จะออกมา และใช้ส่วนหัวเกาะกับผนังของลำไส้ แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ใน ๒-๓ เดือน
          นอกจากนี้ตัวตืดหมูยังก่อให้เกิดเม็ดสาคูในคนได้ด้วย ถ้าคนบังเอิญไปกินไข่พยาธิตัวตืดหมูเข้าไปตัวอ่อนจะไปฝังตัวตามอวัยวะต่างๆ เกิดเป็นเม็ดสาคูซึ่งอาจเกิดอันตรายได้รุนแรงมาก  เช่น  ถ้าไปอยู่ในสมอง ทำให้มีอาการชักคล้ายโรคลมบ้าหมู ถ้าเข้าตาทำให้ตาบอดได้  เป็นต้น
          ผู้ป่วยที่มีพยาธิตัวตืดทั้ง ๒ ชนิดนี้มักไม่มีอาการรุนแรงมากนัก น้ำหนักตัวจะลดลงทั้งๆที่รับประทานอาหารได้มาก หิวบ่อยๆ บางรายมีปวดท้อง  คลื่นไส้ และอาเจียนหรือท้องเดินได้  ในบางรายอาจเกิดปวดท้องอย่างรุนแรง เนื่องจากตัวตืดร่วมตัวเป็นก้อนอุดลำไส้
          พยาธิตัวตืดทั้ง   ๒  ชนิดนี้พบได้บ่อยๆ  ในคนที่รับประทานเนื้อโค เนื้อกระบือ หรือเนื้อสุกรที่ไม่ปรุงให้สุก วิธีป้องกันก็คือ ไม่รับประทานเนื้อโค เนื้อกระบือ หรือเนื้อสุกรที่ไม่สุก รวมทั้งถ่ายอุจจาระลงในส้วม เพื่อไม่ให้ไข่พยาธิเจริญเติบโตต่อไปได้ ในประเทศไทยพบโรคพยาธิตืดหมูน้อยกว่าโรคพยาธิตืดวัวส่วนการกินเม็ดสาคูในคนเกิดจากตัวตืดหมูเท่านั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นายแพทย์สุวิทย์ อารีกุล


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น