รูปภาพของผมครับ

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การผสมเทียม วัว


การผสมเทียม



การผสมเทียม   หมายถึง   การรีดน้ำเชื้อจากสัตว์พ่อพันธุ์แล้วนำไปฉีดเข้าในอวัยวะของสัตว์ตัวเมีย   เมื่อสัตว์ตัวเมียนั้นแสดงอาการของการเป็นสัดแล้วทำให้เกิดการตั้งท้องแล้วคลอดออกมาตามปกติ 


 ประโยชน์ของการผสมเทียม

          1.  ทำให้ประหยัดพ่อพันธุ์เมื่อรีดเก็บน้ำเชื้อจากสัตว์พ่อพันธุ์ได้แต่ละครั้งสามารถนำมาละลายน้ำเชื้อแล้วแบ่งใช้ผสมกับสัตว์ตัวเมียได้จำ นวนมาก
          2.  สามารถผสมพันธุ์สัตว์ที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กต่างกันได้   โดยไม่มีอันตรายจากการขึ้นทับของพ่อพันธุ์
          3.  ไม่ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงพ่อพันธุ์
          4.  ตัดปัญหาในเรื่องขนส่งโคไปผสมเพราะสามารถนำน้ำเชื้อไปผสมได้ไกล ๆ

 ระยะเวลาที่เหมาะสมในการผสมเทียม

       โคตัวเมีย 
ที่แสดงอาการเป็นสัดดังกล่าว   ควรจะได้รับการผสมเทียมในระยะเวลาช่วงกลางของการเป็นสัด   หรือใกล้ระยะที่จะหมดการเป็นสัด (อาจจะหมดการเป็นสัดไปแล้วประมาณ  6  ชั่วโมงก็ได้   หรือเมื่อโคเพศเมียตัวนั้นยืนนิ่งให้ตัวอื่นขึ้นขี่   ซึ่งใช้เป็นหลักในการผสมพันธุ์)  โดยทั่ว ๆ ไปโคเพศเมียจะมีระยะเป็นสัดประมาณ  18 ช.ม.  แล้วต่อมาอีก  14  ช.ม.  จึงจะมีไข่ตกเพื่อรอรับการผสมพันธุ์กับน้ำเชื้อพ่อโค   จึงเห็นสมควรที่ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม   ในการดำเนินการเรื่องของรับบริการผสมเทียมดังมีหลักการที่จะใช้ในการปฏิบัติงานผสมเทียมคือ
          1.  เมื่อโคเพศเมียตัวใดแสดงอาการเป็นสัดในตอนรุ่งเช้าของวันใดวันหนึ่ง   ควรที่จะได้รับการผสมเทียมในวันเวลาเดียวกัน (ก่อน  16.30  น.)  ฉะนั้นพอรุ่งเช้าของแต่ละวันเจ้าของสัตว์ควรที่จะได้ไปแจ้งและบอกเวลา  (ประมาณ)  ที่ท่านได้เห็นสัตว์ของท่านแสดงอาการเป็นสัด
          2.  ถ้าโคเพศเมียตัวใดแสดงอาการเป็นสัดในตอนบ่ายของวันใดวันหนึ่ง   ควรที่จะได้รับการผสมเทียมตอนเช้าหรือก่อนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น  ฉะนั้นเจ้าของสัตว์เมื่อพบว่าสัตว์แสดงอาการเป็นสัดในตอนบ่ายหรือตอนเย็น   ท่านควรจะไปแจ้งและบอกเวลาของการเป็นสัด  (ประมาณ)   ในรุ่งเช้าของวันต่อไปก็ได้

          ถ้าท่านได้ศึกษา
และรู้จักสังเกตการแสดงอาการเป็นสัด   ว่าอาการเป็นอย่างไรและหาระยะเวลาที่จะผสมเทียมให้พอเหมาะแล้ว   จะเป็นการช่วยแก้ปัญหาเรื่องการผสมเทียมติดยากหรือผสมไม่ค่อยติดในโคเพศเมียของท่านได้ทางหนึ่ง   และจะทำให้เป็นประโยชน์ในด้านการเพิ่มจำนวนและปริมาณน้ำนมในกิจการโคนมของท่านยิ่งขึ้น   จึงเห็นสมควรที่จะเรียกช่วงเวลาอันสำคัญนี้ว่า   "นาทีทองในโคนมตัวเมีย"
 จะรู้ได้อย่างไรว่าโคตั้งท้องหรือไม่
        เมื่อโคนาง 
ได้รับการผสมไปแล้วประมาณ 21 วันหากโคไม่กลับมาแสดงอาการเป็นสัดอีกก็อาจคาดได้ว่าผสมติดหรือโคตัวนั้น เริ่มตั้งท้องแล้ว   เพื่อให้รู้แน่ชัดยิ่งขึ้นภายหลังจากการผสมโคนางแล้ว  50  วันขึ้นไปอาจติดต่อสัตวแพทย์หรือบุคคลผู้มีความ ชำนาญในการตรวจท้องแม่โค (โดยวิธีล้วงเข้าไปคลำลูกโคทางทวารของแม่โค) มาทำการตรวจท้องแม่โคก็จะทราบได้แน่ชัดยิ่งขึ้น
........
ข้อสังเกต ในกรณีโคสาว   จะสังเกตได้จากการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น   กินจุขึ้น   ความจุของลำตัวโดยเฉพาะส่วนท้องซี่โครงจะกางออกกว้าง ขึ้น   ขนเป็นมัน   และไม่เป็นสัดอีก

 การคลอดลูก

          โดยทั่วไปแม่โคจะตั้งท้องประมาณ  283  วัน  หรือประมาณ  9  เดือนเศษ   ในช่วงนี้แม่โคจะได้การเอาใจใส่ดูแลเรื่องความเป็นอยู่และอาหารเป็นพิเศษ   เพราะลูกในท้องเจริญขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นไปอย่างรวดเร็ว   ในระยะก่อนคลอดประมาณ  45 - 80  วัน ควรเพิ่มอาหารผสมให้แก่แม่โคท้อง  เพื่อแม่โคจะได้นำไปเสริมสร้างร่างกายส่วนที่สึกหรอ   และนำไปเลี้ยงลูก   หรือนำไปสร้างความเจริญเติบโตสำหรับอวัยวะบางอย่างที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่   เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุดและเพื่อไม่ให้แม่โคซูบผอม   สำหรับแม่โคที่กำลังให้นม   เมื่อตั้งท้องลูกตัวต่อไปควรจะหยุดรีดนมก่อนคลอดประมาณ  45 - 60  วัน  สำหรับแม่โคท้องแรกหรือท้องสาวหรือแม่โคที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ (อายุไม่ถึง 5 ปี)  แม้จะให้ลูกมาแล้ว 1 หรือ 2 ตัวก็ตาม   ก่อนคลอดลูกตัวต่อไปควรจะหยุดพักการรีดนมเร็วกว่าแม่โคที่โตเต็มที่แล้ว   อย่างน้อยก่อนคลอดประมาณ  45 - 60  วัน  เพื่อให้แม่โคได้มีเวลาเตรียมตัวได้พักผ่อนร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ บ้าง   มิฉะนั้นแม่โคอาจจะได้รับผลกระทบกระเทือน   นั่นหมายถึงผลเสียหายที่จะตามมาภายหลังได้   เช่น   ร่างกายจะชะงักการเติบโตเพราะอาหารไม่พอ   ร่างกายไม่สมบูรณ์  เมื่อคลอดลูกออกมาลูกโคอ่อนแอ  มีช่วงระยะการให้นมในปีต่อไปสั้นลง    ผสมติดยาก   ทิ้งช่วงการเป็นสัดนาน   และอื่น ๆ เป็นต้น



 อาการที่แม่โคแสดงออกเมื่อใกล้คลอด
          เราอาจจะสังเกตอาการต่างๆได้ดังนี้
    1.  เต้านมขยายใหญ่ขึ้น
    2.  อวัยวะเพศขยายตัวขึ้น   ยิ่งใกล้วันคลอดเข้ามาสังเกตเห็นมีน้ำเมือกไหลออกมาจากช่องคลอด
    3.  กระดูกเชิงกรานขยายตัวออกกว้างขึ้น   โคนหางตรงกระดูกก้นกบจะบุ๋มลึกลงทั้งสองข้าง
    4.  ช่องท้องตรงสวาปจะลึกหย่อนลง
    5.  ยกหางขึ้น-ลงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
    6.  ถ้าเป็นโคที่ปล่อยรวมฝูงจะพยายามแยกตัวออกจากฝูง
    7.  แม่โคที่ถูกขังจะไม่สนใจในการกินหญ้า   อาหาร   ยืนกระสับกระส่าย   ขกขาหลังแตะอยู่เรื่อย ๆ มีการเบ่งคลอดตลอดเวลา

ท่าคลอดปกติของลูกโค


 จะรู้ได้อย่างไรลูกโคคลอดปกติหรือไม่
          ลักษณะการคลอดลูกในท่าปกติของแม่โค
 คือ   ลูกโคจะเหยียดขาหน้าตรงออกมาพร้อมกันทั้งสอง (ส่วนหัวแนบชิดกับเข่า) จะเห็น เป็น 3 จุด  คือ  2 กีบข้างหน้า  และจมูก   ถ้าหากมีลักษณะอื่น ๆ ผิดไปจากนี้ให้ถือเป็นการคลอดที่ผิดปกติ   อาทิเช่น   หัวพับหรือเอาด้าน หลังออกมาก่อนส่วนอื่น   หรือกรณีที่ลูกโคมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถผ่านช่องคลอดออกมาได้   หรือกรณีอื่น ๆ เช่นนี้ควรรีบติดต่อสัตวแพทย์มาช่วยทำการคลอด   และหากลูกโคคลอดออกมาแล้วรกยังไม่ออกตามมาถ้าเกิน  12  ชั่วโมง   ควรรีบตามสัตวแพทย์มาช่วยแก้ไข   เพราะถือว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับแม่โค   ซึ่งต้องรีบทำการรักษา   หลังจากลูกโคคลอดออกมาแล้วควรรีบเช็ดทำความสะอาดตัวลูกโคให้แห้งโดยเร็ว   โดยเฉพาะเมือกบริเวณจมูกปากและลำตัวพร้อมกับทำการตัดสายสะดือให้ห่างจากตัวโคประมาณ 1 นิ้วแล้วทาด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน



ขอบคุณข้อมูลจาก  
http://www.dld.go.th/service/dairy_cattle/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น