รูปภาพของผมครับ

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีการใส่ถุงยางอนามัย

วิธีการใช้ถุงยางอนามัย





ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่สามารถนำมาซักแล้วใช้ใหม่ได้ ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุทางความปลอดภัย จะประหยัดนำมา Recycle ใช้ใหม่ไม่ได้นะครับ รวมทั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ถ้าได้ถอดกลางคันแล้ว ต้องทิ้งเลยครับ ดังนั้นจะต้องมีถุงยางมากกว่า1 อันเสมอไว้เป็นอะไหล่ ทีขับรถคุณยังมียางอะไหล่ แล้วใช้ถุงยางอนามัย ทำไมคุณไม่เตรียมอะไหล่ไว้ยามฉุกเฉินเช่น รั่ว หลุด แตก ล่ะครับ
การใช้ถุงยางอนามัยควรใช้ก่อนที่อวัยวะเพศทั้งสองฝ่ายจะสัมผัสกันเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการสวมจะต้องให้อวัยวะเพศชานแข็งตัวเต็มที่แล้ว จะใส่เองก็ได้ หรือจะให้ฝ่ายหญิงค่อยๆ บรรจงสวมใส่ให้โดยถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการเล้าโลมทางเพศก็ได้
ขั้นตอนการใช้ถุงยางอนามัยมีดังนี้
1. บรรจงฉีกซองอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบออกจากซองอย่างนิ่มนวล ระวังอย่าให้ถุงยางอนามัยสัมผัสกับเล็บหรือของประดับที่มีคม
2. ถุงยางอนามัยบรรจุในซองในลักษณะม้วนเป็นรูปวงแหวน ให้รอยม้วนอยู่ด้านนอก คลี่ถุงยางออกมาสัก 1 - 2 เซนติเมตร
3. ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้บีบกระเปาะ(ติ่งตรงปลาย)ไล่ลมออก น้ำมาครอบปลายอวัยวะเพศ (ถ้าหนังหุ้มยาว ต้องรูดขึ้นไปให้พ้นปลายหัว)
4. ใช้อีกมือรูดถุงยางขึ้นไปจนถึงโคน (อีกมือยังคงบีบปลายติ่งอยู่)

5. ถ้าใส่ถูกต้อง ตรงติ่งต้องแบนไม่มีลมอยู่ภายใน (ถ้าเป็นแบบปลายมา ต้องเหลือปลายถุงยางไว้สัก หนึ่งเซ็นติเมตร)ทั้งนี้เพื่อป้องกันถุงยางอนามัยแตก
6. ถ้าความหล่อลื่นไม่พอ ก็สามารถทาสารหล่อลื่นเพิ่มเติมได้ แต่ต้องหลังจากสวมใส่แล้ว และสารหล่อลื่นที่ใช้ ต้องเป็นสารที่มีส่วนผสมเป็นน้ำ หรือซิลิโคน เช่น ky - jelly อย่ามักง่าย ใช้วาสลินโดยเด็ดขาด เพราะวาสลินเป็นเจลที่มี petroleum เป็นส่วนประกอบ
7. หลังจากมังกรพ่นพิษ ห้ามรอดูผลงาน ห้ามแช่ ต้องรีบถอย ถอนสมอโดยเร็ว ก่อนที่นกเขาจะหลับ ไม่งั้นถุงยางจะหลุดค้างคาในถ้ำ
8. ตอนถอนสมอ มือต้องจับขอบปลายส่วนเปิดไว้ด้วย ไม่งั้นถุงยางอาจถูกหนีบออกแต่ตัว แต่เสื้อหลุดได้ และเมื่อออกมาแล้ว ต้องระมัดระวังมืออย่าไปโดนด้านนอกของถุงยางที่มีสารคัดหลั่งของฝ่ายหญิงอยู่ อาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ (กรณีมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยา)
9. เมื่อถอดออกแล้ว จะทดสอบรอยรั่วได้โดยเอาไปรองน้ำจากก๊อกใส่ถุงยางที่ใช้แล้ว ถ้ารั่วก็จะเห็นได้
ภาพข้างล่างนี้ได้จากหนังสือหัตถการทางสูติศาสตร์และนรีเวช โดย
ศาสตราจารย์นายแพทย์เยื้อน ตันนิรันดร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำแนะนำ1. ถุงยางอนามัยต้องบรรจุในซองซึ่งอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยรั่ว และยังไม่หมดอายุ
2. กระดาษทิชชู
ข้อควรระวัง
ถุงยางอนามัยบรรจุในซองที่รั่ว หรือหมดอายุ
คำแนะนำใช้มือฉีกซองถุงยางอนามัย ให้สังเกตว่าถุงยางอนามัยยังอยู่ในสภาพดี (โดยคลี่ออกไม่เกิน 1 นิ้วฟุต)
ข้อควรระวัง
ใช้กรรไกรหรือมีดตัดซองถุงยางอนามัย อาจทำให้ถุงยางอนามัยขาด
คำแนะนำ1. สวมถุงยางอนามัย เมื่ออวัยวะแข็งเต็มที่
2. จับถุงยางอยามัยด้านที่จะรูดอยู่ด้านนอก โดยคลี่ถุงยางอนามัย ไม่เกิน 1 นิ้วฟุต
ข้อควรระวัง
1. สวมถุงยางตอนยังไม่แข็งเต็มที่
2. จับถุงยางอนามัยผิดด้าน
คำแนะนำบีบกระเปาะถุงยางอนามัยเพื่อไล่ลม ต้องบีบไว้จนใส่ถุงยางอนามัยเสร็จ
ข้อควรระวัง
อย่าลืมบีบไล่ลมนะครับ
คำแนะนำใช้มืออีกข้างรูดคลี่ถุงยางออกจนสุดถึงโคน โดยต้องปล่อยให้มีที่ว่างสุญญากาศระหว่างปลายอวัยวะกับกระเปาะถุงยาง
ข้อควรระวัง
ไม่ต้องรูดจนสุดกระเปาะจนไม่มีช่องว่าง
คำแนะนำ1. ภายหลังหลั่งน้ำอสุจิแล้ว ให้รีบถอนอวัยวะออก พร้อมจับขอบตรงโคนด้วย ไม่งั้น ตัวออกแต่ปลอกค้างข้างใน
2. ใช้กระดาษทิชชูพันรอบโคน โดยไม่ให้สัมผัสกับน้ำจากช่องคลอด แล้วรูดถุงยางออกโดยอาจใช้นิ้วเกี่ยวด้านในของขอบถุงยาง
ข้อควรระวัง
1. อย่าหลับจนปล่อยให้อวัยวะอ่อนตัว
2. ระวังน้ำจากช่องคลอดเปื้อนมือหรืออวัยวะ
คำแนะนำ1. การทิ้งควรทิ้งในถังขยะ หรือที่ระบุให้ทิ้ง หรือจะเอาไปเผา หรือฝังก็ได้
2. อย่าทิ้งลงชักโครก ชักโครกจะตันได้
ข้อควรระวัง
ระวังน้ำจากช่องคลอดเปื้อนมือหรืออวัยวะ


แพ้ถุงยางอนามัย
การแพ้ถุงยางอนามัย เกิดได้ แต่ไม่บ่อยนัก (ราว 7 %) อาจเกิดจากการแพ้โปรตีนในตัวยางธรรมชาติ หรือสารที่ผสมเพื่อผลิตยางธรรมชาติ หรือแพ้สารเคมีที่นำมาเคลือบถุงยางก็ได้ อาการแพ้ก็เหมือนการแพ้แบบสัมผัสทั่วๆไป คือมีผื่น คัน ระคายเคือง เป็นได้ทั้งชายและหญิง
กรณีที่แพ้ตัวยางธรรมชาติ ก็มีถุงยางอื่นให้เลือก เป็นถุงยางพลาสติก คือไม่ได้ทำจากยางธรรมชาติ แต่ทำจาก polyurethane


โดย....... นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ
[ ที่มา... http://www.clinicrak.com ]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น